ยินดีต้อนรับเข้าสู้ เว็บไซค์สารคดีวาตภัย
ยินดีต้อนรับเข้าสู้ เว็บไซค์สารคดีวาตภัย
วาตภัย
1. สาเหตุของวาตภัย
อุณหภูมิของน้ำทะเล: เมื่ออุณหภูมิของน้ำทะเลสูงกว่า 26.5 องศาเซลเซียส จะช่วยให้การก่อตัวของพายุหมุนเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
ความชื้นในอากาศ: ความชื้นสูงในบรรยากาศช่วยให้พายุหมุนมีพลังมากขึ้น
-
การหมุนของโลก: การหมุนรอบตัวเองของโลกช่วยทำให้พายุหมุนเกิดการหมุนรอบตัวเอง (Coriolis Effect)
ลมและการกดดันในบรรยากาศ: การเคลื่อนที่ของลมที่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับความกดดันทำให้เกิดการหมุนของอากาศ
2. ผลกระทบของวาตภัย
ชีวิตและทรัพย์สิน: อาคาร บ้านเรือนสามารถถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก
เศรษฐกิจ: ผลกระทบต่อภาคการเกษตร การค้าขาย และการเดินทาง
-
สิ่งแวดล้อม: การทำลายของป่าไม้และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
- สังคมและจิตใจ: คนในพื้นที่ที่ประสบภัยมักจะประสบกับความเครียดและต้องเผชิญกับการฟื้นฟูที่ยาวนาน
3. การป้องกันวาตภัย
การเตือนภัยล่วงหน้า: การเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ประชาชนสามารถเตรียมตัว
การสร้างบ้านเรือนที่ทนทาน: บ้านที่มีโครงสร้างแข็งแรงและออกแบบเพื่อทนต่อแรงลม
-
การควบคุมการก่อสร้างในพื้นที่เสี่ยง: หลีกเลี่ยงการสร้างบ้านหรืออาคารในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อพายุ
4. วิธีรับมือเมื่อเกิดวาตภัย
หลบภัยในที่ปลอดภัย: หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง เช่น ใต้ต้นไม้ หรืออาคารที่ไม่แข็งแรง
ติดตามข่าวสาร: รับข้อมูลจากสถานีวิทยุ โทรทัศน์ หรือแอปพลิเคชันเพื่อรับข่าวสารล่าสุด
เตรียมตัวและอุปกรณ์สำรอง: เช่น น้ำดื่ม อาหารสำรอง ยารักษาโรค และไฟฉาย
5. แนวทางการฟื้นฟูหลังเกิดวาตภัย
การประเมินความเสียหาย: สำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อประเมินความเสียหาย
การให้ความช่วยเหลือ: การจัดส่งสิ่งของและเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
การสร้างใหม่: การสร้างบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างใหม่ให้มีความแข็งแรงกว่าเดิม
การฟื้นฟูจิตใจ: ให้การช่วยเหลือด้านจิตใจแก่ผู้ประสบภัย
ข้อดีของ Blogger
1.ใช้งานฟรี:
-
Blogger เป็นบริการที่ใช้งานได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสร้างบล็อก
-
ผู้ใช้สามารถสร้างบล็อกได้ไม่จำกัดจำนวน
2.ใช้งานง่าย:
-
อินเทอร์เฟซของ Blogger ง่ายและสะดวกสำหรับผู้เริ่มต้น ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม
-
รองรับการเขียนบล็อกได้ทันทีหลังจากสมัครใช้งาน
3.การเชื่อมต่อกับ Google:
-
เพราะ Blogger เป็นผลิตภัณฑ์ของ Google จึงมีการเชื่อมต่อที่ดีเยี่ยมกับบริการของ Google อื่นๆ เช่น Google Analytics, Google AdSense, Google Search Console
-
การใช้ Google AdSense สามารถช่วยให้เจ้าของบล็อกสร้างรายได้จากโฆษณาได้ง่ายขึ้น
4.โฮสต์ฟรี:
-
Blogger ให้บริการโฮสต์บล็อกฟรีบน subdomain (เช่น yourblog.blogspot.com)
-
ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อโดเมนของตัวเอง (เช่น yourblog.com) ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
5.ความปลอดภัยและความเสถียร:
-
เนื่องจาก Blogger เป็นบริการของ Google ดังนั้นบล็อกจะได้รับการดูแลรักษาความปลอดภัยและเสถียรภาพจาก Google
-
การสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสูญหายของข้อมูล
6.สามารถปรับแต่งได้:
-
แม้ว่าจะเป็นบริการฟรี แต่ Blogger มีเทมเพลตที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลาย
-
ผู้ใช้สามารถเพิ่มฟังก์ชันต่างๆ ด้วย HTML หรือ JavaScript
ข้อเสียของ Blogger
1.การออกแบบที่จำกัด:
-
แม้ว่าจะสามารถปรับแต่งได้บางส่วน แต่การออกแบบและธีมของ Blogger ค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น WordPress
-
ผู้ใช้ที่ต้องการดีไซน์ที่มีความซับซ้อนอาจรู้สึกไม่พอใจกับตัวเลือกที่มี
2.ไม่มีฟังก์ชันขั้นสูง:
-
สำหรับผู้ที่ต้องการฟังก์ชันหรือเครื่องมือขั้นสูงในการจัดการเว็บไซต์หรือบล็อก เช่น ระบบจัดการสมาชิก ระบบ E-commerce หรือฟังก์ชันการโพสต์ที่ซับซ้อนกว่า Blogger จะไม่สามารถตอบโจทย์ได้ดีเท่ากับแพลตฟอร์มอื่นๆ
3.ไม่มีการควบคุมเต็มรูปแบบ:
-
Blogger ให้บริการในลักษณะโฮสต์แบบปิด (Closed Platform) ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ไม่มีการควบคุมเต็มรูปแบบเหนือเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างข้อมูล
-
ผู้ใช้ต้องพึ่งพา Google ในการจัดการและดูแลข้อมูล
4.การสนับสนุนลูกค้า:
-
ถึงแม้จะมีฟอรัมและคำถามที่พบบ่อย (FAQ) แต่การสนับสนุนลูกค้าของ Blogger ยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นที่มีการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง
5.การพัฒนาและอัปเดตช้า:
-
Blogger มีการพัฒนาและอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ช้าเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ
-
ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เข้ามาอาจจะไม่ได้มีความทันสมัยหรือรองรับเทคโนโลยีล่าสุดเท่ากับที่คาดหวัง
6.ไม่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่:
-
หากต้องการสร้างเว็บไซต์หรือบล็อกสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการฟังก์ชันขั้นสูง หรือการขยายตัวอย่างรวดเร็ว Blogger อาจไม่เหมาะสมเพราะข้อจำกัดในด้านต่างๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น